Featured Article

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

8 ทัศนคติ ก้าวสู่ความสำเร็จในการทำงาน

8 ทัศนคติ ก้าวสู่ความสำเร็จในการทำงาน

 เคยตั้งคำถามกันบ้างไหมว่า ทำไมการ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ ในองค์กรของบางคนดูช่างแสนง่ายดาย ในขณะที่คนบางคนกลับดูเป็นเรื่องยากเย็นชนิดหืดขึ้นคอ? อาจจะเป็นไปได้ว่าเพราะคนทั้ง 2กลุ่มนี้มีปัจจัยที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้แตกต่างกัน อาทิ มันสมอง พรสวรรค์ รวมถึงพลังกาย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากเรื่องดังกล่าว ซึ่งดูเหมือนจะมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันด้วย นั่นก็คือ “ทัศนคติในการทำงาน”

      ดร.มาร์ติน เซลิกแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านการมองโลกในแง่ดี ค้นพบว่า ทัศนคติเป็นสิ่งที่สามารถทำนายความสำเร็จของคนทำงานได้ดีกว่าไอคิว (Intelligence Quotient หรือความสามารถทางสติปัญญา)ระดับ การศึกษา และ ปัจจัยที่เหลืออื่นๆ ทั้งยังพบด้วยว่าคนที่มีทัศนคติด้านบวกจะมีสุขภาพ ความสัมพันธ์ และการเติบโตในหน้าที่การงาน รวมถึงความสามารถในการหาเงินดีกว่าคนที่มีทัศนคติในระดับปานกลางลงไปจนถึง ค่อนข้างแย่

      ทั้งนี้ ในความเป็นจริงทุกคนสามารถพัฒนาทัศนคติไปในทางบวกได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะมาจากที่ไหน หรือมีพรสวรรค์ภายในอย่างไร ไม่เพียง เท่านั้นการมีทัศนคติที่ถูกต้องในการทำงานยังช่วยให้สามารถแบ่งแยกความเหมาะ สมในหน้าที่ที่ รับผิดชอบได้ด้วย How To ฉบับนี้จึงขอแนะนำทัศนคติสำหรับการทำงานให้สำเร็จ 8 ประการ เพื่อเป็นทางเลือกให้นำไปประยุกต์ใช้สำหรับพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพสูงขึ้น เพื่อย่นระยะทางความสำเร็จให้ไม่ไกลจนเกินเอื้อมได้

      กำหนดชะตากรรมในการทำงานด้วยตัวเอง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สักแต่ทำงานไปวันๆ แต่กลับให้ความสำคัญกับการเฝ้ารอสิ่งดีๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากงานที่ทำ เป็นไปได้ว่าคุณจะเสียเวลารอไปอีกเนิ่นนาน เพราะผลงานที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่การเสี่ยงดวงจากการซื้อลอตเตอรี่ ทั้งยังโปรดทราบด้วยว่านักสร้างความสำเร็จมืออาชีพส่วนใหญ่เลือกจะก้าวออกไป และทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นด้วยตัวเอง มากกว่ามัวแต่นั่งคอยวาสนาวิ่งเข้าหา ดังนั้นคุณ ควรจะปรับทัศนคติในเรื่องนี้ใหม่ โดยพึงตระหนักไว้เสมอว่าไม่มีใครจะสามารถกำหนดชะตากรรม ในการทำงานของคุณได้เท่าตัวคุณเอง โดยลองเปลี่ยนมาเป็นผู้คิดริเริ่มและสร้างสรรค์ผลงาน ที่แตกต่าง แล้วทำมันให้เป็นจริงขึ้นมาด้วยตัว คุณเอง

      เคล็ดลับในการเป็นผู้กำหนดชะตากรรมในการทำงานด้วยตัวเอง คือ ให้พูดคุยถึงหน้าที่ รับผิดชอบและเป้าหมายในการทำงานของคุณให้คนอื่นฟังบ้าง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นภายในให้เกิดความพยายามทำสิ่งที่พูดออกไปให้กลายเป็น จริงขึ้นมา เพราะมิฉะนั้นคุณอาจจะโดนข้อหากลายเป็นคนขี้คุยได้เช่นกัน

       ทุกสิ่งเป็นจริงได้ เคยคิดกันบ้างไหมว่าสักวันหนึ่งคุณจะมีโอกาสก้าวขึ้นไปรับหน้าที่การงานใน ตำแหน่งระดับรองประธานบริษัท หากคุณคิดว่าคุณไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ คำตอบก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่าคุณจะไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งระดับรอง ประธานบริษัท แต่หากคุณปรับทัศนคติใหม่ว่าฉันต้องทำได้ ถึงแม้ในช่วงแรกมันอาจจะยังคงเป็นความฝันแต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าใน ที่สุดความฝันนั้นอาจจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้

      ให้ความสำคัญกับงานทุกประเภท คุณจะไม่มีทางทราบเลยว่าเมื่อไรที่คุณกำลังถูกจับตาจากบุคคลระดับหัวหน้า เพราะฉะนั้นคุณจึงควรให้ความสำคัญกับงานทุกประเภทประดุจว่ามันเป็นสิ่งที่ สามารถชี้ขาดความอยู่รอดของคุณได้ ไม่ว่าสิ่งที่คุณกำลังรับผิดชอบอยู่นั้นจะเป็นงานยักษ์หรือเล็กกระจ้อย ร่อยอย่างไร ดังจะยกตัวอย่างจากเจ้าของตำแหน่งประชาสัมพันธ์ระดับบริหารในชิคาโก รายหนึ่ง ซึ่งกล่าวถึงงานชิ้นแรกของเธอว่า เป็นงานประชาสัมพันธ์ในบริษัทเกี่ยวกับการแสดงบัลเลต์แห่งหนึ่ง ที่กำลังมีการจัดระเบียบภายในองค์กรใหม่ ซึ่งเธอต้องทำหน้าที่รับมือกับโปรเจ็กต์นี้อย่างสนุกสนาน ทั้งๆ ที่เป็นงานสุดแสนจะ น่าเบื่อและสิ้นเปลืองพลังกายเป็นอย่างมาก

      ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นสิ่งจำเป็น ความขัดแย้งในสถานที่ทำงานย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งหากคุณตกอยู่ในภาวะที่ชวนให้แสดงท่าทีก้าวร้าวต่อเพื่อนร่วมงานจงสลัด การกระทำนั้น ทิ้งไปและคงเหลือไว้แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อสิ่งรอบตัว มิเช่นนั้นความรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นเพียงชั่ววูบอาจจะส่งผลกระทบอันหนัก หนาสาหัสแก่คุณได้ในภายหลัง โดยการสานสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ไม่จำเป็นจะต้องตั้งใจทำด้วยความใจจดใจจ่อ เพียงแค่ไม่ละเลยหน้าที่อันพึงกระทำซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้ อื่นเท่านั้นก็พอ อาทิ การเข้าประชุมให้ตรงเวลาที่กำหนดไว้ เป็นต้น

       นอกจากนี้ นักทำงานที่ประสบความสำเร็จ จะเข้าใจความสำคัญของการสร้างเครือข่ายทั้ง ภายในและภายนอกออฟฟิศเป็นอย่างดี คุณจึง จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้การสานความสัมพันธ์ ให้เป็นที่ยอมรับกับคนอื่นๆ เช่น ชวนเพื่อน ร่วมงานออกไปทานข้าวด้วยกัน ใช้เวลาช่วง เลิกงานสำหรับการสังสรรค์ร่วมกัน

      คุณถูกกำหนดให้ต้องทำงานนี้ หากคุณใช้เวลาไปกับความรู้สึกที่ว่าคุณไม่เหมาะสมกับงาน ที่ทำอยู่ ผลของงานที่ออกมาก็จะแย่ไปตามความ รู้สึกนั้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่งานของแต่ละคนอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จในงานได้จะต้องให้ใจกับงานประดุจว่าเขากำลังทำงาน ในฝันอยู่ ไม่ว่าในความจริงงานในฝันอันนั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

      อาสาทำงานนอกเหนือหน้าที่บ้าง ตั้งแต่คุณกลายมาเป็นผู้กำหนดโชคชะตาในการทำงานของคุณเอง มันเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องมองหาลู่ทาง ในการปรับปรุงความเป็นมืออาชีพในตัวคุณด้วยการรับอาสาที่จะขอทำงานในส่วนที่ นอกเหนือจากความรับผิดชอบ เพื่อการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ สำหรับขยายโอกาสการทำงานของคุณให้กว้างไกลยิ่งขึ้น และระลึกไว้เสมอว่านักทำงานที่ประสบความสำเร็จจะไม่หยุดเพียงแค่การทำงานที่ ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นเท่านั้น แต่เขาเลือกที่จะหาหนทางเพิ่มเติมเพื่อสร้างมาตรฐานให้แก่ตัวเอง

      ความล้มเหลวเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ แม้ดูเหมือนคนบางคนจะไม่เคยมีประสบการณ์ ในความล้มเหลวทั้งที่ในความจริงมีคนหลายคน ที่ประสบความล้มเหลวอยู่เกือบตลอดเวลา ความแตกต่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จกับผู้ที่ ล้มเหลวคือวิธีการรับมือกับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด และใช้มันมาเป็นบทเรียนสำหรับกำจัดความผิดเหล่านั้นออกไปได้ในที่สุด ในขณะที่ลักษณะสำคัญของ ผู้ล้มเหลวคือผู้ที่ไม่ยอมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งยังละเลยที่จะแก้ไขให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าด้วย

      ไม่เคยปิดโอกาสในการตรวจสอบตัวเอง สิ่งสำคัญที่ควรจำไว้คือนักทำงานที่ประสบความสำเร็จได้จะต้องมองหาโอกาสใน การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ โดยไม่ลืมที่จะเปิดหู เปิดตา และเปิดใจกับสิ่งที่จะนำคุณไปสู่โอกาสใหม่ๆ แต่ต้องไม่ลืม ที่จะหันกลับไปตรวจสอบทางเดินของตัวเองว่า ที่แล้วมาคุณได้หลงทางไปบ้างหรือไม่ เพื่อนำสิ่งต่างๆ ที่เคยพลาดไปมาปรับปรุงให้ก้าวต่อไปของคุณจะไปถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่น เพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไรที่คุณจะพบกับใครคนหนึ่งที่จะเป็นสาเหตุ ในการเปลี่ยนแปลงผลของงานที่กำลังทำอยู่

      นอกเหนือจากปัจจัยอย่างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ความสมบูรณ์ ทั้งกายและใจแล้ว เพียงแค่คุณเลือกนำทัศนคติบางประการข้างต้นไปประยุกต์ใช้กับงานในอาชีพ ก็เท่ากับคุณได้ก้าวสู่การเป็นนักทำงานที่สามารถประสบความสำเร็จได้แล้ว

คําคมขงเบ้ง

คําคมขงเบ้ง

1. เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต
2. ถ้าคุณหัวเสีย คุณจะเสียหัว
3. อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก อย่าต้อนคนให้จนมุม
4. อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย
5. ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
6. เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน”
7. นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ
8. ผู้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
9. จริงคือลวง ลวงคือจริง ถ้าคุณคิดว่าข้าศึกมีทางเลือกเพียง 2 ทาง จงแน่ใจได้ว่าเขาจะเลือกทางที่ 3
10. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
11. มังกรถ้าไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉ
12. คนมองไม่เห็นการณ์ไกล ภัยก็จะมาถึงตัว คนไม่รู้จักตัดไฟ ภัยก็จะน่ากลัว
13. ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี
14. ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
15. เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
16. เมื่อเสียหลักก็ต้องหลบอย่างฉลาด เมื่อพลั้งพลาดต้องรู้หลึกใส่ปลีกหาง ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆทำ ค่อยคลำทาง จึงจะย่างสู่จุดหมายเมื่อปลายมือ
17. ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น
18. เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต
19. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
20. เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียว กับเขา ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้
21. การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
22. ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
23. อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
24. เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ใช่ หรือ อาจจะ” เขามีความหมายว่า “อาจจะ” เมื่อนักการฑูตพูดว่า “อาจจะ” เขามีความหมายว่า “ไม่” เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ไม่” เขาไม่ใช่นักการฑูต เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร
25. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ไม่” หล่อนมีความหมายว่า “อาจจะ” เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “อาจจะ” หล่อนมีความหมายว่า “ใช่ หรือ ได้” เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ใช่ หรือ ได้” หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี
26. คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
27. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต
28. อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย
29. ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี
30. ตัดไผ่อย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าเหลือลูก คิดทำการใหญ่ ใจคอต้อง…มหาญ
31. ข้าพเจ้ายอมทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้คนในโลกทรยศต่อข้าพเจ้า
32. เป็นแม่ทัพแล้วไม่กล้าตัดหัวคน เป็นแม่ทัพที่ดีไม่ได้
33. คนฉลาดปราดเปรื่อง เขานั่งนิ่งสงวนคม
34. ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน
35. ศัตรูที่ร้ายเหลือ ไม่เท่าเกลือเป็นหนอน
36. ความรู้ คือ อำนาจ
37. นั่งภูดูเสือ กัดกัน
38. เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ฉะนั้นจึงอย่าประมาท
39. ถ้าเป็นกษัตริย์ แล้ว ไม่โลภ ก็ เป็นกษัตริย์ ที่ดีไม่ได้ ถ้าเป็นนักบวชแล้วโลภ ก็ เป็นนักบวช ที่ดีไม่ได้
40. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน
41. น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด เราก็กลายเป็นคนฉลาดในช่วงเวลาลำบากฉันนั้น
42. ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด แต่ เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืด ซึ่งยังคงดำรงอยู่

คำคมสอนใจ


43. โลกกลมๆใบนี้ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ
44. อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
45. คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
46. ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
47. ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
48. ในโลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีคำว่าแน่นอน
49. ความปราถนาอย่างแรงกล้า นั่นแหละคือเหตุผล
50. คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
51. คนเราจะไม่ต้องใช้สมองเลย ถ้าพูดแต่ความจริง
52. ท้อแท้ได้แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้แต่อย่าริษยา พักได้แต่อย่าหยุด
53. เหตุผลของคนๆ หนึ่ง อาจจะไม่ใช่เหตุผลของคนอีกคนหนึ่ง
54. ถ้าคุณไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
55. ปัญหาทุกอย่าง ล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
56. น้ำใจส่วนน้ำใจ เหตุผลส่วนเหตุผล
57. เรื่องดีหรือเรื่องร้ายทางที่ดีบอกกันก่อน
58. หนทางยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
59. เราจะเห็นค่าความอบอุ่น ก็ต่อเมื่อเราผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
60. อันตรายที่สุดสำหรับชีวิตคนเรา คือ การคาดหวัง
61. เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
62. สวรรค์นั้นพึ่งยาก คนนั้นพึ่งยากกว่า
63. อย่ายอมแพ้ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
64. จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
65. เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน เบื้องหลังของสติ สมควรมีอารมณ์
66. ไม่มีคำว่าบังเอิญในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่าตั้งใจ
67. ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
68. หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใส
69. หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
70. ไม่เป็นขุนนางน่ะได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
71. มีแต่วันนี้ ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง
72. เมื่อวานก็สายเกินแก้ พรุ่งนี้ก็สายเกินไป
73. เพื่อนกิน เพื่อนกัน เพื่อนกินไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน
74. ชะตาฟ้าลิขิต…แต่ชีวิตนะของผม
75. รักแท้ต้องแย่งชิง..รักจริงต้องปล่อยไป
76. ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร .แต่ตัดใจต้องใช้เวลา
77. กาเม มอระนัง ทุกขัง โลเก…(กามตายด้านเป็นทุกข์ในโลก)
78. รักดีกินถั่ว รักชั่วกินเหล้า..รักดีรักชั่ว กินถั่วแกล้มกะเหล้า เอิ้ก ๆ
79. สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วชนะก็คือ ‘การที่คนดีนิ่งดูดาย’
80. กำขี้ดีกว่ากำตด แต่ถ้ากำขี้สดๆกำตดจะดีกว่ากำขี้
81. ทำแล้วเสียใจ ยังดีกว่าเสียใจที่ไม่ได้ทำ
82. จุดยืนของเราทุกคนคือ ….
83. กระบี่อยู่ที่ใจ แค่ไม้ไผ่ก้อไร้เทียมทาน
84. เห็นงานเป็นลม เห็นนมสู้ตาย สู้ว้อย
85. ตัวอย่างที่ดี…มีค่ากว่าคำสอน
86. ดี-ชั่ว ไม่ได้เป็นที่กรรมพันธุ์…
87. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ไม่” หล่อนมีความหมายว่า “อาจจะ” เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “อาจจะ” หล่อนมีความหมายว่า “ใช่ หรือ ได้” เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ใช่ หรือ ได้” หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี
88. คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
89. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต
90. อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย
91. ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี
92. ตัดไผ่อย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าเหลือลูก คิดทำการใหญ่ ใจคอต้อง…มหาญ
93. ข้าพเจ้ายอมทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้คนในโลกทรยศต่อข้าพเจ้า
94. เป็นแม่ทัพแล้วไม่กล้าตัดหัวคน เป็นแม่ทัพที่ดีไม่ได้
95. คนฉลาดปราดเปรื่อง เขานั่งนิ่งสงวนคม
96. ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน
97. ศัตรูที่ร้ายเหลือ ไม่เท่าเกลือเป็นหนอน
98. ความรู้ คือ อำนาจ
99. นั่งภูดูเสือ กัดกัน
100. เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ฉะนั้นจึงอย่าประมาท
101. ถ้าเป็นกษัตริย์ แล้ว ไม่โลภ ก็ เป็นกษัตริย์ ที่ดีไม่ได้ ถ้าเป็นนักบวชแล้วโลภ ก็ เป็นนักบวช ที่ดีไม่ได้
102. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน
103. น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด เราก็กลายเป็นคนฉลาดในช่วงเวลาลำบากฉันนั้น
104. ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด แต่ เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืด ซึ่งยังคงดำรงอยู่
105. การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
106. ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
107. อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
108. เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ใช่ หรือ อาจจะ” เขามีความหมายว่า “อาจจะ” เมื่อนักการฑูตพูดว่า “อาจจะ” เขามีความหมายว่า “ไม่” เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ไม่” เขาไม่ใช่นักการฑูต เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร

http://www.xn--108-pkla8onerj.com/108-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88.html

สัญญาณการขาดโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่

สัญญาณการขาดโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่



https://www.facebook.com/nutrilitethailand



แต่งหน้าเสริมลุคสำหรับผู้ชาย

แต่งหน้าเสริมลุคสำหรับผู้ชาย

ใครว่าการแต่งหน้าเป็นเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น
ถ้าเป็นในชีวิตประจำวันผู้ชายก็อาจจะแค่ใช้สกินแคร์ดูแลผิวพรรณเท่านั้น
แต่เมื่อต้องออกงานหรือขึ้นเวทีนำเสนอ
การเสริมแต่งด้วยเครื่องสำอางค์บ้างตามเหมาะสมก็จะช่วยเสริมลุคของคุณผู้ชายได้ด้วย
และเมื่อข้อมูลในการนำเสนอของเราดี บุคลิกหน้าตาดี
ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อม

Beauty Corner ขอนำเสนอทิปส์ดีๆ ที่ได้มาจากกิจกรรมเวิร์คช็อป
“สูตรสร้างความสำเร็จ” ในหัวข้อการแต่งหน้าสำหรับผู้ชาย โดย 
คุณเอ ทิวากร โสภาอัศวภรณ์ เมคอัพ อาร์ทิสต์ชื่อดัง ซึ่งจัดขึ้นเป็นพิเศษ
สำหรับชายหนุ่มบุคลิกดี ผู้มีความมุ่งมั่นในการก้าวสู่ความสำเร็จ
ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ Artistry Men Contest ทั้ง 10 ท่านมาฝากค่ะ






รองพื้น
เลือกสีรองพื้นเฉดสีที่ใกล้เคียงกับเฉดสีผิวมากที่สุด หากคุณผู้ชายท่านใด
มีปัญหาผิวไม่ว่าจะรอยสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ แนะนำให้ใช้เฉดสีรองพื้นที่
เข้มกว่าเฉดสีผิว 1 ระดับค่ะ กดผลิตภัณฑ์รองพื้นโดยประมาณ แต้มเบาๆ 
ที่จุดต่างๆ บนใบหน้า หน้าผาก แก้ม คาง และสันจมูก จากนั้นแนะนำให้ใช้
นิ้วมือในการเกลี่ยเพื่อเป็นการวอร์มเนื้อครีมไปในตัว 

อำพราง และปกปิด
-รอยคล้ำใต้ตา
จากกิจกรรมบางอย่างของคุณผู้ชายไม่ว่าจะแฮงค์เอ้าท์กับเหล่าเพื่อนๆ ดู
บอลรอบดึก ก็ล้วนแล้วแต่นำรอยคล้ำบริเวณใต้ตามาให้เป็นปัญหาผิวอยู่เสมอ
แนะนำให้ใช้คอนซีลเลอร์ แต้มแล้วกดอย่างเบามือ รอยคล้ำใต้ตาก็ไม่เป็น
ปัญหาในการเสริมหล่ออีกต่อไป เมคอัพ อาร์ทิสต์ชื่อดังแนะนำว่าให้เลือก
คอนซีลเลอร์สีสว่างอย่างอาร์ทิสทรีคอนซีลเลอร์ เอสพีเอฟ 15/พีเอ++ 
สีไลท์สำหรับชายหนุ่มที่มีผิวขาว สำหรับหนุ่มผิวสองสีถึงผิวคล้ำให้เลือก
ใช้สีมีเดียม 




-กำจัดจุดอ่อน
ชายไทยหลายท่านมักจะมีโหนกแก้มที่สูง และกรามค่อนข้างใหญ่ แนะนำให้ ใช้อาร์ทิสทรีคอนซีลเลอร์ เอสพีเอฟ 15/พีเอ++ สีดาร์ค ซึ่งมีสีค่อนข้างเข้ม เฉดดิ้งหรือทาบางๆ ที่บริเวณโหนกแก้ม โดยให้เส้นที่เฉดดิ้งขนานกับกราม ค่อยๆเกลี่ยโดยไม่ให้เป็นปื้นๆ ส่องกระจกเช็คอีกครั้งว่าโหนกแก้มและกราม ไม่เป็นจุดเด่นอีกต่อไปก็สามารถลงแป้งฝุ่นต่อได้เลย ข้อห้าม! อย่าเฉดดิ้งมากจนเกินไปเพราะจะทำให้ใบหน้าคุณแลดูย้อยและห้อยได้ 

คิ้ว


ใช้แปรงสำหรับแปรงคิ้วปัดเศษแป้งที่ติดตามขนคิ้วออก โดยเริ่มจากการปัด ย้อนเส้นขนคิ้ว จากนั้นปัดตามแนวคิ้วให้เส้นขนคิ้วเป็นระเบียบ หากคิ้วคุณบาง แนะนำให้ใช้มาสคาร่าสีดำ โดยปาดสีมาสคาร่าออกก่อนกับกระดาษทิชชู 1 ครั้ง แล้วค่อยๆ ใช้แปรงปัดให้ขนคิ้วอยู่ทรง ไม่ต้องใช้แปรงกดจนถึงเนื้อคิ้ว เพราะอาจจะทำให้สีคิ้วเข้มเกินไปและอาจจะทำให้เปื้อนได้

ริมฝีปาก

สำหรับริมฝีปากแค่ทาลิปมันหรือลิปเชียร์ ที่มีความบางใส

อุดมด้วยส่วนผสมที่ช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื่นก็พอ แต่
ถ้าท่านใดต้องขึ้นนำเสนองานบนเวที หรือต้องถ่ายรูปเป็น
พิเศษ แนะนำให้ใช้ลิป คัลเลอร์ เชียร์ เอสพีเอฟ 15 สีบลิซ
ก็จะช่วยเพิ่มความชัดของสีปากขึ้นเล็กน้อยแต่แลดูเป็น
ธรรมชาติค่ะ

จมูก
ไม่ใช่แต่คุณผู้หญิงเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องสันจมูก คุณผู้ชาย
ก็เช่นกัน หากท่านใดที่จมูกไม่คมสันก็ใช้วิธีง่ายๆ ส่อง
กระจกแล้วแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยให้พอเห็นสันจมูกทั้ง
สองฝั่งจากนั้นแตะคอนซีลเลอร์สีเข้มอย่างคอนซีลเลอร์
สีดาร์คแต้มแล้วไล้เบาๆ ตามสันจมูก คุณก็จะได้จมูกที่ดู
สวยคมสัน อย่าลืมไล้คอนซีลเลอร์ที่บริเวณปีกจมูกด้วย 
ไม่เช่นนั้นหากคุณเฉดดิ้งเฉพาะสันจมูกจะทำให้ปลายจมูก
แลดูใหญ่และบาน 


อย่าปล่อยให้เรื่องของการดูแลผิวพรรณรวมถึงการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าเป็นเรื่องเฉพาะของผู้หญิงเท่านั้น เพราะการดูแลผิวตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ ก็สามารถนำมาซึ่งความสำเร็จให้คุณได้ง่ายๆ

http://www.artistry.co.th/artistry/beauty_corner/bc_main.html?id=2517

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การรักษาความปลอดภัย บนเครือข่าย



องค์กรจำนวนมากได้สร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานในองค์กร มีการใช้มาตรฐานเดียวกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เราเรียกเครือข่ายเฉพาะในองค์กรนี้ว่า อินทราเน็ต อินทราเน็ตเชื่อมโยงผู้ใช้ทุกคนในองค์กรให้ทำงานร่วมกัน มีการกำหนดการทำงานเป็นทีมที่เรียกว่า เวอร์กกรุป แต่ละทีมมีระบบข้อมูลข่าวสารของตน มีสถานีบริการข้อมูลที่เรียกว่า เซิร์ฟเวอร์ การทำงานในระดับเวอร์กกรุปจึงเน้นเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม เช่น ทีมงานทางด้านการขาย ทีมงานทางด้านบัญชี การเงิน การผลิต ฯลฯ
อินทราเน็ต ได้รวมทีมงานต่าง ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน เป็นเครือข่ายขององค์กร มีการแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลร่วมกัน ใช้ทรัพยากรทางคอมพิวเตอร์ร่วมกัน มีระบบการทำงานที่เรียกว่า เวอร์กโฟล์ว (workflow)
อย่างไรก็ดี การทำงานขององค์กรมิได้กำหนดขอบเขตเฉพาะภายในองค์กรเท่านั้น หลายองค์กรนำเครือข่ายอินทราเน็ตของตนเองเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อให้การทำงานเชื่อมโยงกับองค์กรอื่นได้ การทำงานร่วมกับองค์กรอื่นเป็นหนทางของการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อความรวดเร็ว ความสะดวกสบายในการทำงาน องค์กรจำนวนมากมีโฮมเพ็จของตนเองเพื่อการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ มีการรับใบคำสั่งซื้อจากภายนอก หรือให้บริการหลังการขายโดยตรงทางเครือข่าย
เมื่อนำเครือข่ายอินทราเน็ตขององค์กรเชื่อมเข้าสู่เครือข่ายสาธารณะ ย่อมมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กร การรักษาความปลอดภัยจึงเป็นระบบที่ต้องคำนึงถึง ถึงแม้ว่าจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายของระบบก็จำเป็นต้องทำ เพราะหากเกิดปัญหาในเรื่องข้อมูลข่าวสารหรือการรั่วไหลของข้อมูลแล้ว ความสูญเสียจะมีมากกว่า
ระบบการรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่มีในขณะเรียกเข้าหาระบบคือ รหัสพาสเวิร์ด หรือรหัสผ่าน ในการล็อกอินเข้าสู่ระบบ เช่น เรียกใช้เซิร์ฟเวอร์เพื่อขอข้อมูลข่าวสาร จำเป็นต้องทราบว่าใครเป็นผู้เรียกเข้าหา โดยให้ผู้เรียกป้อนรหัสพาสเวิร์ด ผู้ใช้ทุกคนจะมีรหัสเฉพาะของตน จำเป็นต้องให้ผู้ใช้กำหนดรหัสที่ยากต่อการถอดโดยผู้อื่น โดยหลักการพื้นฐานควรกำหนดรหัสนี้ให้มีความยาวไม่น้อยกว่า 8 ตัวอักษร ควรให้มีการผสมระหว่างตัวอักขระพิเศษและตัวเลขด้วย เช่น mypo@123! ไม่ควรนำเอาคำศัพท์ในพจนานุกรม หรือใช้ชื่อ ใช้วันเกิด เพราะรหัสเหล่านี้ง่ายต่อการถอด อย่านำรหัสนี้ให้กับผู้อื่น และควรเปลี่ยนรหัส เมื่อใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง
ไฟร์วอล เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บรรจุไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จัดให้เป็นทางผ่านเข้าออก เพื่อป้องกันการแปลกปลอมของแฮกเกอร์ภายนอกที่จะเจาะเข้าระบบ และยังควบคุมการใช้งานภายใน โดยกำหนดสิทธิ์ของแต่ละบุคคลให้ผ่านออกจากระบบได้ ดังนั้นเมื่อมีการนำเอาเครือข่ายอินทราเน็ตขององค์กรเชื่อมต่อกับเครือข่ายสาธารณะ เช่น อินเทอร์เน็ต ระบบไฟร์วอลจึงเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ใช้ในการป้องกันและรักษาความปลอดภัย
โดยปกติมักใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำหน้าที่เป็นไฟร์วอล เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะมีการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายสองด้าน ด้านหนึ่งเชื่อมกับอินทราเน็ต อีกด้านหนึ่งเชื่อมกับ อินเทอร์เน็ต ดังนั้นจึงเป็นเสมือนยามเฝ้าประตูทางเข้าออก เพื่อตรวจสอบการเข้าออกของบุคคล
ไฟร์วอลจะควบคุมสิทธิ์ และติดตามการใช้งาน เช่น กำหนดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้ได้ในกรอบที่จำกัด และเมื่อเข้ามาก็จะติดตามการใช้งาน หากมีความพยายามจะใช้เกินสิทธิ์ เช่น การ ล็อกออนไปยังเครื่องที่ไม่มีสิทธิ์ก็จะป้องกันไว้ ขณะเดียวกันอาจเป็นตัวตรวจสอบเอกสารหรือข้อมูลบางอย่างเช่น จดหมาย หรือแฟ้มข้อมูล
ระบบของไฟล์วอลมีหลายระดับ ตั้งแต่การใช้อุปกรณ์สื่อสาร เช่น เราเตอร์ทำหน้าที่เป็น ไฟร์วอล เพื่อควบคุมการติดต่อสื่อสาร หรือป้องกันผู้แปลกปลอม จนถึงขั้นการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์ ไฟร์วอลอันทรงประสิทธิภาพ
เมื่อมีการโอนย้ายข้อมูลระหว่างกัน โดยเฉพาะการโอนย้ายผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็น เครือข่ายสาธารณะ ผู้ใช้จะไม่ทราบเลยว่าข้อมูลที่รับส่งกันนั้นผ่านไปที่ใดบ้าง เช่น เมื่อเราส่งใบสั่งซื้อที่มีรหัสหายเลขบัตรเครดิตไปยังบริษัทร้านค้าที่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ข้อมูลของเราอาจผ่านไปยังที่ต่าง ๆ หลายแห่ง อาจมีผู้ไม่หวังดีแอบคัดลอกข้อมูลของเราไว้ก็ได้ ปัญหาเช่นนี้ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการดำเนินธุรกิจ เป็นผลทำให้ระบบธุรกิจบนเครือข่ายยังไม่เติบโตเท่าที่ควร
ในขณะนี้จึงมีการใช้วิธีเข้ารหัส โดยผู้ส่งข้อมูลจะใช้โปรแกรมที่ทำการแปลงข้อมูลจากข้อความเดิม ให้เป็นรหัสที่ไม่มีความหมาย เราเรียกวิธีนี้ว่า เอนคริปชัน (Encryption) เอนคริปชัน จะกวนข้อมูล ทำให้ส่งข้อมูลอย่างเป็นความลับบนเครือข่ายได้ ถึงแม้จะมีผู้ลักลอบคัดลอกไปก็จะอ่านไม่รู้เรื่อง
เมื่อถึงปลายทาง ผู้ที่มีรหัสพิเศษที่ตกลงกันไว้ ที่เรียกว่า คีย์ จะทำการถอดรหัสนี้ได้ ผู้รับจะใช้โปรแกรมถอดรหัสโดยใส่ตัวอักขระที่เป็นคีย์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่รับข้อมูลจะเปลี่ยนข้อมูลกลับไปเป็นข้อความปกติ วิธีการทางด้านรับข้อมูลนี้เรียกว่า ดีคริปชัน (Decryption)
การเข้ารหัสจึงต้องมีคีย์ ซึ่งเสมือนเป็นกุญแจที่ล็อกข้อมูลไว้ ผู้รับต้องใช้กุญแจที่ตรงกันจึงจะไขดูข้อมูลได้ จึงมีวิธีการกำหนดกุญแจซึ่งเป็นรหัสและใช้งานร่วมกัน มีทั้งที่ใช้แบบมีกุญแจที่เรียกว่า มาสเตอร์คีย์และคีย์เฉพาะ เทคนิคเหล่านี้ได้พัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นไปมาก
บนอินเทอร์เน็ต มีวิธีที่ใช้ในการเอนคริปชันอยู่หลายวิธี วิธีที่ได้รับความนิยมและเป็นวิธีที่เสนอให้สาธารณะใช้ได้ คือ PGP PGP ย่อมาจาก Pretty Good Privacy PGPทำให้ข้อความที่ส่งไปเป็นความลับ ข้อความที่ใช้อาจเป็นอีเมล์ เป็นใบสั่งซื้อ เป็นแฟ้มข้อมูล PGP ใช้วิธีการที่ดี และใช้งานได้ผล เพราะวิธีการเอ็นคริปชันของ PGP เป็นวิธีการที่แฮกเกอร์ถอดรหัสได้ยาก
นอกจากวิธีการนี้แล้ว ปัจจุบันมีการพัฒนาคลิปเปอร์ชิป (clipper chip) ซึ่งเป็นวงจรฮาร์ดแวร์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเข้ารหัส เพื่อใช้ในการสื่อสารกันบนอินเทอร์เน็ต คลิปเปอร์ชิปได้รับการเสนอโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ชิปนี้ได้จัดทำขึ้นโดยที่ทางรัฐบาลสามารถถอดรหัสนี้ได้ ทำให้เกิดการโต้เถียงกันมากว่า รัฐบาลสหรัฐฯสามารถติดตามการติดต่อสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตได้หมด อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลสหรัฐฯ ก็อ้างว่า รัฐบาลจะถอดรหัสข้อมูลตามคำสั่งศาลเท่านั้น
ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีการทางด้านการเข้ารหัสเอ็นคริปชัน และดีคริปชันแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซนต์ การสร้างกฎระเบียบและวินัยของบุคลากรในองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ การเชื่อมโยงเครือข่ายเป็นหนทางให้ใช้งานได้สะดวก แต่ก็เป็นเส้นทางที่ผู้แปลกปลอมจะใช้เป็นทางเข้าระบบได้ง่าย



ที่มา :http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/network/it11.htm

เทคโนโลยีสารสนเทศ


ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
พัฒนาการของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ลองย้อนไปในอดีตโลกมีกำเนินมาประมาณ 4600 ล้านปี เชื่อกันว่าพัฒนาการตามธรรมชาติทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตถือกำเนินบนโลกประมาณ 500 ล้านปีที่แล้ว ยุคไดโนเสาร์มีอายุอยู่ในช่วง 200 ล้านปี สิ่งมีชีวิตที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ค่อย ๆ พัฒนามา คาดคะเนว่าเมื่อห้าแสนปีที่แล้วมนุษย์สามารถส่งสัญญาณท่าทางสื่อสารระหว่างกันและพัฒนามาเป็นภาษา มนุษย์สามารถสร้างตัวหนังสือ และจารึกไว้ตามผนึกถ้ำ เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่ามนุษย์ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการพัฒนาตัวหนังสือที่ใช้แทนภาษาพูด และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว กล่าวได้ว่าฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า มนุษย์สามารถจัดพิมพ์หนังสือได้เมื่อประมาณ 500 ถึง 800 ปีที่แล้ว เทคโนโลยีเริ่มเข้ามาช่วยในการพิมพ์ ทำให้การสื่อสารด้วยข้อความและภาษาเพิ่มขึ้นมาก เทคโนโลยีพัฒนามาจนถึงการสื่อสารกัน โดยส่งข้อความเป็นเสียงทางสายโทรศัพท์ได้ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว และเมื่อประมาณห้าสิบปีที่แล้ว ก็มีการส่งภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ทำให้มีการใช้สารสนเทศในรูปแบบข่าวสารมากขึ้น ในปัจจุบันมีสถานที่วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ แ ละสื่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการกระจ่ายข่าวสาร มีการแพร่ภาพทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเพื่อรายงานเหตุการณ์สด เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก บทบาทของการพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วขึ้นเมื่อมีการพัฒนาอุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ จะเห็นได้ว่าในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์เข้าไปเกี่ยวข้องให้เห็นอยู่ตลอดเวลา



ที่มา  http://web.ku.ac.th/

ซัมเมอร์นี้เส้นผมคุณก็แฮปปี้ได้...


สระผมอย่างน้อย 1-2 ครั้ง

หน้าร้อนความมัน ความเหนอะหนะ จะยิ่งทำให้
ผมลีบ การสระผมจะช่วยทำให้ผมสะอาด ไม่มัน
ไร้คราบสกปรก พร้อมสวยอยู่เสมอ ควรสระ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งหรือมากกว่านั้น
ถ้าผมคุณมันมากเกินไป และควรใช้ครีมนวดแค่
บริเวณปลายผม เท่านั้นพอ เพราะลดการเกิด
ความมันบนหนังศีรษะ 

บำรุงผมเพื่อปกป้องเกร็ดผมจากความร้อน

ซีรัมบำรุงผม สามารถช่วยลดอาการชี้ฟูของเส้น
ผมในหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังป้องกันการถูก
ทำลายจากแสงแดดที่จะทำให้ผมแห้งกรอบได้ 
อย่าลืมใช้เป็นประจำก่อนจัดแต่งทรงผมทรงสวย
ของคุณ และในช่วงหน้าร้อนนี้ หากคุณหลีกเลี่ยง
ผมจากความร้อน เช่น การไดร์ การม้วนผม ได้ 
ก็จะทำให้ผมคุณมีอายุความสวยมากขึ้นอีก 

หลีกเลี่ยงยางรัดผมที่เป็นโลหะ

การเลือกซื้อยางรัดผม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยป้องกัน
ผมแตกปลาย เพราะการเลือกยางรัดผมที่มีโลหะเป็น
ตัวเชื่อม จะทำให้เกล็ดผมเปิด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่
ทำให้ผมแตกปลายได้ ทีสำคัญห้ามใช้ยางรัดผม
ขณะที่ผมเปียก เพราะจะเป็นการทำลายผมให้ขาด
ร่วงได้ง่าย 

สวมหมวกปกป้องผมจากแสงแดด

ซัมเมอร์แบบนี้เหมาะกับการ
สวมหมวกเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
หมวกปีกกว้าง หมวกแก๊ป หรือ
หมวกทรงเก๋ตามแต่คุณชอบ
นอกจากจะดูดีมีสไตล์แล้ว 
ยังช่วยปกป้องเส้นผมจาก
แสงแดด และปกป้องใบหน้า
จากรังสียูวีไปได้พร้อมๆ กัน

มาร์คผมด้วยสูตรง่ายๆ

การมาสค์ผมสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยปกป้องผมจากปัจจัยที่เร่งให้ผมเสียได้เป็นอย่างดี โดยการนำไข่แดง
และน้ำผึ้งมาผสมในสัดส่วนเท่าๆ กันลงในชามผสม ตีให้เข้ากัน ใช้หมักผมก่อนสระทิ้งไว้ 15 นาที 
แล้วจึงสระและนวดผมตามปกติ ทำเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะรักษาเส้นผมของคุณให้ผ่านหน้าร้อนนี้ไปได้
อย่างสวยงามแล้วล่ะ 

http://www.artistry.co.th/artistry/beauty_corner/bc_main.html?id=2906

บริหารผิวหน้าด้วยตัวเองทุกวัน...

บริหารผิวหน้าด้วยตัวเองทุกวัน...
เคล็ดลับความสวยแบบทวีคูณ

ผิวพรรณจะแปรเปลี่ยนไปตามอายุ
ยิ่งตัวเลขของอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไรผิวพรรณก็เริ่มหย่อนยานมาก
โดยเฉพาะกับใบหน้าปราการแรกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ คือ สูญเสียความยืดหยุ่นของผิว 
เกิดการเพิ่มตัวของชั้นไขมัน และสูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือการหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ให้การปกป้องและฟื้นบำรุงผิวให้กลับมามีความยืดหยุ่นและกระชับ พร้อมคงสภาพที่ดีได้ต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม พร้อมกันนี้แนะนำให้ใช้เทคนิคในการนวดหน้า ประกอบกันไปด้วยเพื่อความเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น การนวดหน้าอย่างถูกวิธีจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีด้วย


3วิธีนี้ทำได้ทุกวัน

1.เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิว

ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ทั่วใบหน้า โดยแต้ม
บริเวณแก้มทั้งสองข้าง กึ่งกลางของหน้าผาก
คาง และจมูก จากนั้นเริ่มเกลี่ยเครื่องสำอาง
ให้ทั่วโดยใช้ฝ่ามือไล้ เริ่มจากบริเวณกึ่งกลาง
หน้าผากออกไปยังบริเวณขมับ จากบริเวณ
แก้มไปยังบริเวณโหนกแก้ม แล้วไล้กลับลงไป
ที่คาง จากนั้นถูมือเบาๆ ขึ้นไปหาโหนกแก้ม
และคลึงเบาๆ วนกลับลงมาหาคางอีกครั้ง

2.ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือขวาดันไว้ใต้คาง

นวดจากโคนหูข้างซ้าย ไล้ลงมาตามแนว
กรอบคางขึ้นไปสู่โคนหูข้างขวา บิดมือเพื่อ
นวดเป็นแนวแบบเดียวกันกลับมายังอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำสามครั้งในแต่ละข้าง

3.ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง
นวดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าในลักษณะยกผิวขึ้น

นวดจากคางขึ้นไปหาฐานใบหู
นวดจากมุมปากทั้งสองข้างขึ้นไปหา
ด้านหน้าใบหู
เริ่มจากจมูก ขยับปลายนิ้วนวดขึ้นไปเหนือ
แนวโหนกแก้ม และขึ้นไปหาขมับ
นวดจากหัวตาออกไปตามแนวใต้ตาสู่
บริเวณหางตา แล้วคลึงเบาๆ ขึ้นไปหาขมับ
นวดจากบริเวณระหว่างหัวคิ้วขึ้นไปให้ทั่ว
บริเวณหน้าผากออกไปสู่แนวขมับ

http://www.artistry.co.th/artistry/beauty_corner/bc_main.html?id=1796

Blogroll